Transaction Processing System : TPS คือ ระบบประมวลผลรายการเปลี่ยนแปลง
เป็นการประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์กับธุรกิจในยุคแรก ช่วยในเรื่องการทำงานที่มีลักษณะเป็นงานที่ต้องทำซ้ำๆ(Repetitive) มีการเก็บข้อมูลแบบ real time ดังนั้น TPS ถือว่ามีความสำคัญมากที่สุด เปรียบเสมือนหัวใจของธุรกิจเลยก็ว่าได้ ระบบ TPS ต้องเป็นระบบที่เชื่อถือได้ Process การทำงานไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลง
คุณสมบัติของ TPS
ต้องใช้รองรับข้อมูลจำนวนมาก ดังนั้นต้องมี database ที่ใหญ่มาก ข้อมูลส่วนใหญ่จะมาจากภายใน ข้อมูลส่วนมากต้องมีโครงสร้างที่ชัดเจนและต้องมีการประมวลผลที่มีความน่าเชื่อถือสูง
วงจรการประมวลผล คือ ต้องผลิตรายงานออกมาได้ และผู้ใช้สามารถถาม transaction กับระบบได้
การประมวลผล มี 2 แบบ คือ Real time และ Batch
· Real Time คือ ข้อมูลถูกประมวลผลทันที เช่น การใช้บัตรเครดิตรูดซื้อของ online
· Batch คือ ข้อมูลถูกรวบรวมไว้ แล้วทำการประมวลผล ณ เวลาที่กำหนด เช่น การฝากเงินที่แบงค์แล้วต้องรอเคลียริ่งตอนเย็น
วัตถุประสงค์ของ TPS คือ เพื่อตอบคำถามที่เกิดขึ้นประจำวัน เพื่อติดตามรายการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในองค์กรและเพื่อผลิตและเตรียมสารสนเทศสำหรับระบบประเภทอื่นๆ
ผู้ที่ใช้ TPS ได้แก่
· ผู้ทำงานในระดับปฏิบัติการ (Operation level)
· ผู้ควบคุมดูแลระดับล่าง (Low-level Supervisor)
· ผู้จัดการ
Marketing Information System Application เป็นเครื่องมือที่ใช้สื่อสารทางการตลาด เช่น Mass customization, Personalization
Case
Ø Dartmouth - Hitchcock Medical Center คือให้พยาบาลสามารถใช้ wireless ในการสั่งยาได้ ทำให้มีความเที่ยงตรงในการสั่งยามากขึ้น และช่วยลดการเก็บ inventory ได้ถึง 50%
Ø การใช้ Traffic Control at Airports หรือ In-flight Card Payments บนเครื่องบิน โดยใช้ TPS มาช่วย
ในปัจจุบันเมืองไทยมีการใช้ software เข้ามาช่วยมากมาย เช่น การดึงข้อมูลจากกรมการปกครองในการทำใบขับขี่หรือ passport ตลอดจน การสั่ง pizza ก็สามารถใช้เทคโนโลยีมาช่วยบอกพิกัดได้ว่าสาขาไหนตั้งอยู่ใกล้กับเบอร์โรศัพท์เบอร์นี้ที่โทรมา
Present
1. RFID: Radio Frequency Identification
เทคโนโลยี RFID เริ่มเข้ามามีบทบาทในวงการธุรกิจ เช่น ระบบบันทึกข้อมูลการจัดการสินค้าระหว่างการผลิตและจำหน่ายสินค้าเพื่อ Track and Trace หรือในชีวิตประจำวันของคนทั่วไป เช่น บัตรโดยสารรถไฟฟ้าใต้ดิน บัตรพนักงานที่ใช้ทั่วไป เป็นต้น
องค์ประกอบของ RFID มีองค์ประกอบหลัก 2 ส่วน คือ
1. Tag หรือ Transponder ทำหน้าที่ส่งสัญญาณหรือข้อมูลที่บันทึกอยู่ตอบสนองไปที่ตัวอ่านข้อมูล แบ่งออกเป็น
1.1 Active Tag มีฟังก์ชั่นการทำงานทั่วไปทั้งอ่านและเขียนข้อมูลและมีแบตเตอรี่ในตัว โดยมีหน่วยความจำภายในขนาดใหญ่ได้ถึง 1 เมกะไบต์
1.2 Passive Tag จะไม่มีแบตเตอรี่อยู่ภายในหรือไม่จำเป็นต้องรับแหล่งจ่ายไฟใดๆ มีน้ำหนักเบาและเล็กกว่า ราคาถูกกว่าและมีอายุการใช้งานไม่จำกัด
2. Reader หรือ Interrogator มีหน้าที่สำคัญคือการรับข้อมูลที่ส่งมาจากแท็กส์แล้วทำการตรวจสอบความผิดพลาดของข้อมูลถอดรหัสสัญญาณข้อมูลที่ได้รับ และทำหน้าที่ติดต่อกับคอมพิวเตอร์
การใช้งาน RFID กับธุรกิจ
· Supply Chain Management ติด Tag ไว้ที่สิ่งของเพื่อใช้ในการระบุรายละเอียดของสิ่งนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าคงคลัง วัตถุดิบ หรือส่วนประกอบต่างๆ
- Logistics System การติดตามรถขนส่ง การติดตามสินค้า การตรวจสอบความถูกต้องของเส้นทางการขนส่ง
· Customer Relationship management เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรและลูกค้าในระยะยาว อาทิ บัตรสมาชิกของห้างสรรพสินค้า
2. Speech Recognition
คือระบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่สามารถแปลงเสียงพูด (Audio File) เป็นข้อความตัวอักษร (Text) โดยสามารถแจกแจงคำพูดต่างๆ ที่มนุษย์สามารถพูดใส่ไมโครโฟน โทรศัพท์หรืออุปกรณ์อื่นๆ และเข้าใจคำศัพท์ทุกคำอย่างถูกต้องเกือบ 100% โดยเป็นอิสระจากขนาดของกลุ่มคำศัพท์ ความดังของเสียงและลักษณะการออกเสียงของผู้พูด โดยระบบจะรับฟังเสียงพูดและตัดสินใจว่าเสียงที่ได้ยินนั้นเป็นคำๆใด
ประโยชน์ คือ สามารถใช้ได้ในหลายสภาวกาล ช่วยประหยัดเวลาและช่วยอำนวยความสะดวกมากขึ้น
3. Virtualization
คือ เทคโนโลยีที่ช่วยให้สามารถแชร์ Resource เช่น CPU, Memory, Hard disk เป็นต้น ของคอมพิวเตอร์ 1 เครื่องหรือมากกว่านั้น ให้สามารถรัน Software และ Application ในจำนวนมาก ๆ หรือ แม้แต่รันระบบปฏิบัติการหลาย ๆ ตัวได้ และสามารถทำงานพร้อมกันหลาย ๆ อย่างได้ ไม่ว่าจะเป็นคนละ platform กันก็ตาม
By สุทธิดา พวงพิกุล 5202113246
ยังไงรบกวน โพสท์ (comment) ในหัวข้อ
ตอบลบ"รบกวน นศ คลาส AI613 sem 2/2553 ทุกคนคะ"
โดยโพสท์
ชื่อ + นามสกุล + รหัส นศ + Username ลงในนี้ topic นั้นด้วยนะคะเพื่อความสะดวกในการเช็คงานต่างๆคะ
ขอบคุณคะ